เพียง 2 วันให้หลังจากการเปิดเผยรายงาน “ถูกสาปให้พ่ายแพ้ในกระแสความเปลี่ยนแปลง รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว 2025" โดยศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว (คิด for คิดส์) ก็เกิดเหตุการณ์สลดที่เป็นดังภาพสะท้อนความจริงจากรายงานฯ เมื่อเยาวชนชายวัย 15 ปี ก่อเหตุยิงพ่อของตนเอง เนื่องจาก “ทนไม่ไหวอีกต่อไป” หลังถูกกระทำรุนแรงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่จำความได้
โศกนาฏกรรมครั้งนี้มิใช่เพียงคดีอาชญากรรมรายวัน แต่เป็นเสมือนเสียงเตือนที่สะท้อนถึงบาดแผลลึกในโครงสร้างสังคมที่กัดกินอนาคตของเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งสอดคล้องกับภาพฉายที่ปรากฏในรายงาน
…
บาดแผลจาก "คำสาป" เมื่อบ้านมิใช่ที่ปลอดภัย
สาเหตุสำคัญที่ผลักดันให้เยาวชนรายนี้กระทำความรุนแรง คือการถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่องจากพ่อของตนเองตั้งแต่อายุ 8 ปี ทั้งการถูกเตะ ต่อย ตี และเคยบาดเจ็บหนักถึงขั้นเกือบตาบอด โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ จากครอบครัว
สิ่งนี้สะท้อน "คำสาป" ข้อที่ 7 นั่นคือ "ความขัดแย้งในครอบครัวที่เพิ่มขึ้นและความเหินห่างที่มากขึ้น" รายงานของคิด for คิดส์ ชี้ว่าความขัดแย้งในบ้าน โดยเฉพาะประเด็นความสัมพันธ์และชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพจิตของเยาวชน การที่เด็กถูกตราหน้าว่าเป็น "ลูกที่พ่อไม่ต้องการ" หรือต้องเผชิญการทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย่อมก่อให้เกิดบาดแผลทางใจที่ลึกซึ้ง ความเครียด ความหวาดกลัว และความสิ้นหวังที่สั่งสมมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อไม่ได้รับการแก้ไขหรือเยียวยา ย่อมกลายเป็นระเบิดเวลาที่รอวันปะทุ
นอกจากนี้ แม้จะไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่ "คำสาป" ข้อที่ 1 อย่าง "หนี้ครัวเรือนสูงจำกัดการสนับสนุนเด็กและเยาวชน" ก็อาจมีส่วนเสริมให้สถานการณ์เลวร้ายลง ในกรณีของเด็กชายผู้นี้ แม้จะไม่อาจระบุฐานะทางบ้านได้ แต่สำหรับภาพกว้างในสังคม เมื่อผู้ปกครองต้องแบกรับภาระทางการเงินมหาศาล ความตึงเครียดในครอบครัวย่อมเพิ่มสูงขึ้นและอาจนำไปสู่การแสดงออกถึงความรุนแรง หรือทำให้ครอบครัวละเลยการดูแลสภาพกายและจิตใจของเด็ก นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะทำให้มีการลงทุนในอนาคตและการศึกษาของบุตรหลานลดน้อยลง ส่งผลให้เด็กต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ขาดการสนับสนุนในหลายมิติ
รายงาน "ถูกสาปให้พ่ายแพ้ฯ" ยังได้ย้ำเตือนถึงความเปราะบางด้านสุขภาพจิตของเยาวชนไทยในปัจจุบันด้วย ถึงแม้จะมิได้เป็น "คำสาป" โดยตรง แต่เป็นผลพวงจาก "คำสาป" หลายข้อรวมกัน กรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นบทเรียนราคาแพงว่า การที่เด็กต้องเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรุนแรง ไร้ซึ่งความรักความเข้าใจ ย่อมสร้างบาดแผลทางจิตใจที่รุนแรงและเรื้อรัง หากปราศจากการเยียวยาหรือกลไกช่วยเหลือที่เข้าถึงได้ง่าย ความเจ็บปวดทางจิตใจเหล่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่พฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือผู้อื่นได้ในที่สุด โดยมีความเป็นไปได้เช่นกันว่าผู้กระทำรุนแรงต่อเด็กก็เคยเป็น “ผู้ถูกกระทำ” กระทั่งเป็นปมในจิตใจและนำไปสู่การก่อเหตุรุนแรงรุ่นสู่รุ่นได้
…
กลไกคุ้มครองเด็ก แสงสว่างที่ยังไปไม่ถึง
สังคมไทยมีกลไกและกฎหมายที่พยายามจะให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองเด็กที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง อย่างไรก็ตาม โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นสะท้อนว่ากลไกเหล่านี้ยังคงมีช่องว่างและข้อจำกัด
สำหรับในระดับสากล ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) ซึ่งเป็นหลักประกันว่าเด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการปกป้องจากความรุนแรงทุกรูปแบบ และมีสิทธิที่จะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากสังคม ขณะที่ในประเทศเรามี ศูนย์ช่วยเหลือสังคม (OSCC 1300) ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญในการให้ความช่วยเหลือแบบเบ็ดเสร็จสำหรับผู้ถูกกระทำความรุนแรง รวมถึงเด็กด้วย อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้เคยชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการเข้าถึงบริการของ OSCC โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล หรือการที่ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับช่องทางในการขอความช่วยเหลือ สิ่งนี้ทำให้เด็กจำนวนมากต้องเผชิญความรุนแรงอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครสามารถยื่นมือเข้าช่วยได้ทันท่วงที ก่อนที่เหตุร้ายจะเกิดขึ้น
ส่วนทางด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็ก กรณีของผู้ก่อเหตุที่เป็นเยาวชนอายุ 15 ปีนี้จะถูกดำเนินการภายใต้ พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 ซึ่งมีหลักการสำคัญคือ การเน้นการแก้ไขบำบัดฟื้นฟู มากกว่าการลงโทษ โดยคำนึงถึง "ผลประโยชน์สูงสุดของเด็ก" เป็นสำคัญ ซึ่งในส่วนนี้ กระบวนการยุติธรรมทางอาญาในไทย ตระหนักดีถึงความจำเป็นในการพัฒนากระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยเน้นการป้องกันอาชญากรรมเยาวชน การบำบัดบาดแผลทางจิตใจ และการส่งเสริมให้เด็กกลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ
อย่างไรก็ตาม การที่ข่าวนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคม และมีการถกเถียงอย่างกว้างขวาง แสดงให้เห็นว่าสังคมยังคงต้องการความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินและตีตราเด็กโดยปราศจากการไตร่ตรอง
…
ปลดล็อก "คำสาป" สู่สังคมที่ปลอดภัยและเยียวยา
คดีล่าสุดนี้จะยังไม่ใช่คดีสุดท้ายที่เกิดขึ้นในสังคมไทย และสะท้อนให้เห็นว่า "คำสาป" ที่บดบังอนาคตของเด็กไทยไม่ใช่เพียงตัวเลขในรายงาน แต่เป็นความจริงที่กำลังกัดกินชีวิตผู้คน การปลดล็อก "คำสาป" เหล่านี้ เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยและเยียวยา จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึก การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม
ที่ผ่านมา TIJ รวมทั้งเครือข่ายพันธมิตร ได้ร่วมกันอภิปรายถึงข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการปฏิบัติในประเด็นของความรุนแรงในครอบครัว รวมทั้งความรุนแรงต่อเด็กในหลายวาระ เช่นเดียวกันกับข้อเสนอแนะในรายงาน "ถูกสาปให้พ่ายแพ้ฯ” ซึ่งอาจสรุปได้ดังนี้
- การปฏิรูปกลไกด้านกระบวนการยุติธรรมเพื่อการคุ้มครองเด็กให้เข้มแข็งและเข้าถึงได้จริง การสร้างระบบที่เป็นเชิงรุกมากขึ้นเพื่อให้สามารถสอดส่องและแทรกแซงเหตุการณ์ได้ทันท่วงที ตลอดจนขยายการรับรู้และช่องทางการเข้าถึงความช่วยเหลือ เช่น OSCC 1300 ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล และสร้างความมั่นใจว่าการแจ้งเหตุจะไม่นำไปสู่การคุกคามผู้แจ้ง และมีระบบติดตามฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
- การลงทุนอย่างจริงจังในการส่งเสริมและสนับสนุนสุขภาพจิตของเยาวชน อย่างการเพิ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ โดยจัดให้มีนักจิตวิทยาและผู้ให้คำปรึกษาประจำโรงเรียนและชุมชนให้เพียงพอ เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตได้อย่างสะดวกและปลอดภัย และบูรณาการในหลักสูตรการศึกษา ด้วยการส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาวะทางจิตใจ การจัดการอารมณ์ และทักษะการแก้ปัญหาความขัดแย้งในหลักสูตรการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัย
- การเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว เช่นการให้ความรู้และทักษะการเลี้ยงดูเชิงบวก จัดโปรแกรมอบรมผู้ปกครองเกี่ยวกับการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ การสร้างวินัยเชิงบวก และการรับมือกับความเครียดในครอบครัว การส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์และสายใยครอบครัว สนับสนุนพื้นที่และกิจกรรมที่เอื้อต่อการใช้เวลาร่วมกันของครอบครัว เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความผูกพัน
- การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง โดยเฉพาะนโยบายแก้หนี้ครัวเรือนและลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความรุนแรง อีกทั้งต้องสร้างโอกาสที่เท่าเทียม ทั้งด้านคุณภาพการศึกษาและการทำงานที่มีคุณภาพให้เยาวชน เพื่อให้พวกเขามีอนาคตที่มั่นคงและลดความเสี่ยงจากการเข้าสู่การจ้างงานที่ไม่มั่นคง
- การสร้างความเข้าใจและมีการสื่อสารอย่างรับผิดชอบในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สื่อมวลชนควรนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับคดีของเยาวชนอย่างระมัดระวัง โดยเน้นการให้ความรู้และทำความเข้าใจถึงสาเหตุเชิงลึกของปัญหา หลีกเลี่ยงการสร้างความเกลียดชังหรือการตัดสินเด็กโดยปราศจากข้อมูล รวมทั้งส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งการให้โอกาสแก่เยาวชนที่กระทำผิดพลาด โดยเชื่อมั่นในหลักการแก้ไขบำบัดฟื้นฟู เพื่อให้พวกเขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข และร่วมสร้างอนาคตที่ดีกว่า
ถึงเวลาหรือยังที่เราจะต้องเริ่มให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชนไทยอย่างแท้จริง? สร้างจุดเปลี่ยนที่ทำให้สังคมไทยตระหนักและร่วมกันปลดล็อก "คำสาป" ต่างๆ ที่ถ่วงรั้งศักยภาพของเด็กและเยาวชน การลงทุนในเด็กวันนี้ คือการสร้างภูมิคุ้มกันและอนาคตที่แข็งแกร่งให้กับประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเด็กคนใดต้อง "ถูกสาปให้พ่ายแพ้" ตั้งแต่แรกเริ่มอีกต่อไป
…
รายงาน "ถูกสาปให้พ่ายแพ้ในกระแสความเปลี่ยนแปลง รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว 2025" ให้ข้อสรุปถึง "คำสาป" 8 ประการที่กำลังบดบังศักยภาพของเด็กไทย ได้แก่ หนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่ว มลพิษทางอากาศที่คุกคามสุขภาพ ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลที่ถ่างกว้าง การจ้างงานที่ไม่มั่นคง อุปสรรคต่อความคิดสร้างสรรค์ การเข้าถึงอบายมุขที่ง่ายขึ้น ความขัดแย้งในครอบครัวที่รุนแรง และความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่ลดลง ดาวน์โหลดรายงานได้ที่นี่ https://kidforkids.org/wp-content/uploads/2025/06/ถูกสาปให้พ่ายแพ้ในกระแสความเปลี่ยนแปลง-รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว-2025.pdf
…
อ้างอิง
ศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว (คิด for คิดส์). รายงาน "ถูกสาปให้พ่ายแพ้ในกระแสความเปลี่ยนแปลง รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว 2025" https://kidforkids.org/wp-content/uploads/2025/06/ถูกสาปให้พ่ายแพ้ในกระแสความเปลี่ยนแปลง-รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว-2025.pdf
สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย. เมื่อเด็กคนหนึ่งกระทำความผิด .. เส้นทางสู่กระบวนการยุติธรรมและการให้ความยุติธรรมให้กับผู้เสียหาย https://www.tijthailand.org/th/article/detail/juvenile-justice
สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย. “เด็ก x ความรุนแรง” ตกผลึกบทบาทของสังคมกับความรุนแรงในเด็ก https://www.tijthailand.org/th/article/detail/50
OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม – ให้บริการด้านความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบปัญหาสังคม. กฎหมายเพื่อการคุ้มครองเด็กและครอบครัว https://oscc.consulting/media/124
บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด. ถูกทำร้ายตั้งแต่เด็ก ลูกชายวัย 15 ปี รัวยิงพ่ออาการสาหัส https://www.ch7.com/newstars/detail/809627