ยอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัว

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้ (cookie) เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานและเพิ่มความพึงพอใจต่อการได้รับการเสนอข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตามนโยบายคุกกี้ของเรา

รายละเอียดเพิ่มเติม

 

“ไม่ใช่เพียงแค่สื่อในยุคนี้เท่านั้นมีทักษะและความเชี่ยวชาญจะได้เห็นข้อมูลและเห็นความสำคัญในการใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ แต่ประชาชนคนทั่วไปที่มีอิสระทางความคิดก็มีพลังและมีบทบาทสำคัญในการเป็น “ผู้ใช้ข้อมูล” เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศได้”

 

ดร.อณูวรรณ วงศ์พิเชษฐ์ รองผู้อำนวยการ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) กล่าวเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการร่วมกับเครือข่ายสื่อมวลชน หัวข้อ “เปิด 25 ชุดข้อมูลภาครัฐ เครื่องมือสำคัญยกระดับหลักนิติธรรมไทย” โดยย้ำด้วยว่า ข้อมูลจะเป็นหน้าต่างใหม่ที่ช่วยให้คนได้รู้ ได้ตั้งคำถามใหม่ ๆ สร้างบรรยากาศในสังคมให้เกิดการ “เอ๊ะ” ในการโกง และเปิดให้ประชาชนได้มาร่วมเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์และตรวจสอบ (Neighborhood Watch) ด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่ด้วยอารมณ์หรือความรู้สึก

 

ด้วยความเชื่อมั่นว่าการผลักดันให้มีการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐจะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและช่วยยกระดับหลักนิติธรรมไทยอย่างเป็นรูปธรรมได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐคือเครื่องมือทรงพลังที่จะนำไปสู่การตรวจสอบการทำงานภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เชื่อมโยงด้วยข้อเท็จจริง และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ช่วยป้องกันการคอร์รัปชัน แก้ปัญหาการใช้อานาจรัฐเกินขอบเขต และส่งเสริมกระบวนการสิทธิเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน

 

TIJ จึงได้ร่วมกับ บริษัท แฮนด์ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด (HAND se) จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการร่วมกับเครือข่ายสื่อมวลชน หัวข้อ “เปิด 25 ชุดข้อมูลภาครัฐ เครื่องมือสำคัญยกระดับหลักนิติธรรมไทย” เพื่อสนับสนุนให้ “สื่อมวลชน” ผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมได้เห็นความสำคัญของการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ และจะเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งเพื่อสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมที่สามารถตรวจสอบการทางานของรัฐได้มากขึ้นอย่างแท้จริง

 

สร้าง “หลักนิติธรรม” เป็นเรื่องยากแต่ต้องร่วมกันทำ

 

“เมื่อพูดคำว่าหลักนิติธรรม ทุกคนก็จะนึกว่าเป็นเรื่องของนักกฎหมาย เพราะฉะนั้นใครไม่ใช่นักกฎหมายก็จะหูดับ ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีความรับผิดชอบกับสิ่งนี้ นอกจากยากแล้ว หลักนิติธรรมยังเกี่ยวโยงกับหลากหลายเสาหลักเสาอำนาจของประเทศ ทั้งฝ่ายบริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติ ดังนั้นจะปล่อยให้คนในระบบทำฝ่ายเดียวก็จะย้อนแย้งกันในแง่ของการพัฒนา จึงอยากจะสะท้อนว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะถ้าง่ายคงมีการแก้ไขกันไปแล้ว” ดร. อณูวรรณ เท้าความถึงการผลักดันเรื่องของหลักนิติธรรมในระดับประเทศ รวมไปถึงจุดมุ่งหมายของการจัดอบรมเรื่องของหลักนิติธรรมแก่สื่อมวลชน อันเป็นกลุ่มที่มีความเข้าใจในปัญหาของประเทศและมีความชำนาญที่จะร่วมสื่อสารประเด็นนี้

 

รองผู้อำนวยการ TIJ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา TIJ พยายามให้ข้อมูลการนำดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรมที่องค์การระหว่างประเทศนำไปใช้เป็นฐานในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย โดยมีตัวชี้วัดที่สำคัญ 2 ด้านที่เรียกว่าเป็น Key Success ของการมีคะแนนดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรมที่ดี คือ การมีรัฐบาลโปร่งใส (การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ) และการปราศจากการคอร์รัปชัน และพยายามจะหาเครือข่ายสำคัญที่จะช่วยผลักดันในแต่ละองค์ประกอบ ในส่วนของพันธมิตรอย่าง HAND se เข้ามามีส่วนช่วยในด้านการเปิดเผยข้อมูลและการปราศจากคอร์รัปชันนี้

 

นอกจากนี้ยังได้เข้าไปเจรจากับรัฐบาลที่ผ่านมาที่นำไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาการเสริมสร้างหลักนิติธรรมแห่งชาติ (กขนช.) เป็นคณะกรรมการที่จะเข้ามาดูแลเรื่องหลักนิติธรรมและมีการใช้ค่าคะแนนด้านหลักนิติธรรมมาเป็นแนวทางเพื่อการสร้างหลักนิติธรรมในประเทศ

 

การผลักดันการเปิดข้อมูลภาครัฐจะมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้สังคมมีบทบาทในการตั้งคำถามว่าทำไมจึงมีการคอร์รัปชัน ซึ่ง ดร.อณูวรรณ ได้ชี้ให้เห็นต้นตอของปัญหาอยู่ 3 ประเด็นคือ การมีกฎระเบียบมากและซับซ้อน การให้อำนาจใช้ดุลยพินิจมากเกินไป การมีข้อมูลจำนวนมากแต่ไม่ได้ถูกเปิดเผย สังคมจึงไม่ได้เห็นและไม่มีคำถาม และสุดท้ายคือวัฒนธรรมยอมถูกเอาเปรียบเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ส่วนตัว และทั้งหมดนี้จำเป็นต้องถูกแก้ไข

 

ขณะนี้ถือเป็นนิมิตที่ดีที่ว่า เราผ่านเรื่องร้าย ๆ มาหมดแล้ว ประเทศเราเหมือนเป็นเรือที่กำลังลอยอยู่ในมรสุม ใบเรือ เครื่องยนต์อะไรที่จะทำให้เรือลำนี้ แล่นไปได้ดับไปหมดแล้ว และก็เป็นเรือที่แก่แล้ว จำเป็นต้องดูว่าในเรือมีรูรั่วตรงไหนบ้าง ต้องหันมาระดมกำลังกันแก้ไข ไม่ต้องไปดูที่ปัจจัยภายนอก แต่ให้หันมาสำรวจภายในประเทศเอง เพื่อให้เรือลอยขึ้นมาได้ และมาช่วยกันเป็น Gamechanger ของประเทศ ดร.อณูวรรณ กล่าว

 

“รัฐบาลโปร่งใส” กลไกสู่ Quick Win ด้านหลักนิติธรรม

 

“หลักนิติธรรมและการต่อต้านการคอร์รัปชัน มีศัตรูร่วมกันคือ อำนาจที่ไม่ได้ถูกตรวจสอบ” บวรลักษณ์ ทองมาก ผู้จัดการโครงการ สำนักอำนวยการพิเศษ TIJ กล่าว โดยให้รายละเอียดว่า เพราะหลักนิติธรรมเป็นระบบที่พยายามจำกัดอำนาจ (limit power) ผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น การมีรัฐธรรมนูญ การมีกฎหมายที่ชัดเจน มีการตรวจสอบถ่วงดุล และการใช้ดุลยพินิจภายใต้กรอบกฎหมาย ส่วนการต่อต้านการคอร์รัปชันคือความพยายามที่จะลดหรือหยุดการใช้อำนาจในทางมิชอบทั้งในระบบราชการ การเมือง และภาคเอกชน จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ทั้งหลักนิติธรรมและการต่อต้านคอร์รัปชันพยายามที่จะทำมีเป้าหมายเดียวกันคือ การทำให้อำนาจถูกตรวจสอบได้ 

 

บวรลักษณ์ กล่าวต่อไปถึงสถิติที่น่าสนใจว่าด้วยเรื่องของการคอร์รัปชันด้วยว่า จากการสำรวจทัศนคติด้านการคอร์รัปชัน Global Corruption Barometer Asia 2020 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุด จัดทำโดย Transparency International (TI) พบว่า ประชาชน 1 ใน 5 คน ที่ร่วมสำรวจใน 17 ประเทศของภูมิภาคเอเชียยอมรับว่ามีการจ่ายสินบนเพื่อให้ได้มาหรือเพื่อเข้าถึงการบริการภาครัฐ หรือคิดเป็นจำนวนประชากรถึง 836 ล้านคน อีกมิติที่น่าสนใจคือ เมื่อถามว่าคิดว่าเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรในหน่วยงานใดบ้างที่มีการคอร์รัปชัน พบว่าอันดับหนึ่งคือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา รองลงมาคือสภาท้องถิ่น องค์กรการปกครองท้องถิ่น และอันดับสามคือผู้นำประเทศอย่างนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดี ที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเช่นตำรวจ รวมทั้งนักธุรกิจ จากความคิดเห็นเหล่านี้สะท้อนว่าคนที่มีอำนาจมีแนวโน้มที่จะคอร์รัปชัน

 

นอกจากนี้ ประชาชนที่ใช้บริการภาครัฐยังมีแนวโน้มจะใช้เส้นสายเพื่อให้ได้มาซึ่งบริการอย่างการรับบริการจากศาล การทำเอกสารส่วนบุคคล การรับบริการจากตำรวจ โรงเรียน หรือโรงพยาบาล เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้นในการสำรวจเดียวกันพบว่า ประชาชนในประเทศเมียนมาร์มีความเชื่อมั่นว่าประเทศของตนมีการปราบปรามคอร์รัปชันได้ดีที่สุดโดยคิดเป็นร้อยละ 94 ของผู้ตอบแบบสำรวจ ในขณะที่ประเทศไทยมีประชาชนเพียงร้อยละ 34 เท่านั้นที่เชื่อมั่นในการปราบปรามการคอร์รัปชัน หรือเป็นอันดับสุดท้ายของการสำรวจทั้งหมด

 

หากนำรายงานสำรวจดัชนีชี้วัดการคอร์รัปชันมาวิเคราะห์ร่วมกับดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรมยังพบด้วยว่า ประเทศที่มีหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งจะยิ่งมีการคอร์รัปชันน้อย ดังเช่นประเทศฟินแลนด์ ประเทศนอร์เวย์ และประเทศสวีเดน นอกจากนี้ค่าดัชนีด้านความสุข การมีสุขภาวะที่ดี เรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก และการเข้าถึงความยุติธรรมก็จะดีตามไปด้วย หากมีค่าคะแนนด้านหลักนิติธรรมดี

 

บวรลักษณ์ ยังได้กล่าวถึงรายงานของ World Justice Project (WJP)  ปีล่าสุด พ.ศ. 2567 ด้วยว่า ประเทศไทยมีคะแนนดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรมอยู่ที่ 0.50 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 0.55 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ 0.59 โดยคำถามสำคัญที่ใช้ชี้วัดหลักนิติธรรม มากกว่าร้อยละ 50 จะเน้นไปที่คำถามถึงทัศนคติต่อการ “การคอร์รัปชัน” ใน 8 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การจำกัดอำนาจรัฐ การปราศจากคอร์รัปชัน รัฐบาลที่โปร่งใส สิทธิขั้นพื้นฐาน ความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง การบังคับใช้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง และกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การคอร์รัปชัน มีส่วนสำคัญที่ต่อการเสริมสร้างหลักนิติธรรมของประเทศ

 

หากสามารถแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันได้ คะแนนดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรมจะดีขึ้น และทางที่จะช่วยให้สามารถแก้ปัญหานี้ได้แบบอย่างรวดเร็วทางหนึ่งคือการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐให้มีความโปร่งใส เข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้สังคมได้ร่วมกันใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการติดตามตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจการบริหารของภาครัฐ

 

การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ 25 ชุดข้อมูล

 

สุภอรรถ โบสุวรรณ ผู้ก่อตั้ง HAND se กล่าวโดยสรุปถึงการคอร์รัปชันว่าเป็นการใช้อำนาจที่มีหรือไม่มีมาหาผลประโยชน์อันมิควรได้เพื่อตนเองหรือผู้อื่นทั้งด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมายและไม่ผิดกฎหมาย

 

สมการของการคอร์รัปชันคือ Corruption =Monopoly +Discretion – Accountability
คอร์รัปชัน = การผูกขาด + การใช้ดุลพินิจ - การถูกตรวจสอบเอาผิด
 

 

พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ชุดข้อมูลนั้นควรมีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการนำมาวิเคราะห์ อย่างความสมบูรณ์ของข้อมูล ข้อมูลควรเป็นข้อมูลปฐมภูมิ เป็นปัจจุบัน เข้าถึงได้ง่าย อ่านได้ด้วยเครื่อง ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่จำกัดสิทธิในการใช้ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ปลอดข้อจำกัดทางทรัพย์สินทางปัญญา เป็นข้อมูลที่คงอยู่ถาวร และไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม สุภอรรถ ยอมรับว่า คุณสมบัติดังกล่าวเป็นรูปแบบที่เป็นอุดมคติ และปัจจุบันก็ไม่ได้มีประเทศใดที่เปิดเผยข้อมูลได้ถึงระดับนั้นทั้งหมด

 

ผู้ก่อตั้ง HANDse กล่าวถึงการเปิดข้อมูลภาครัฐทั้ง 25 ชุดข้อมูล โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องในหมวดข้อมูลบุคคลและองค์กร เช่น ข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง ข้อมูลผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง ข้อมูลคู่สัญญาของรัฐ ข้อมูลเจ้าหน้ารัฐ ข้อมูลผู้บริหารและคณะกรรมการต่าง ๆ และหมวดข้อมูลทรัพยากรสาธารณะ เช่น ข้อมูลงบประมาณภาครัฐ ข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐ ข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้าง ข้อมูลการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ข้อมูลทางการเงินของพรรคการเมือง ข้อมูลการออกใบอนุญาตต่าง ๆ ข้อมูลการสนับสนุนทางด้านการเงินของรัฐบาล และข้อมูลการบริจาคเงินจาคจากต่างประเทศในรูปแบบของเงิน เทคโนโลยี หรือการช่วยเหลือ เป็นต้น

 

อย่างไรก็ดี การเปิดเผยชุดข้อมูลเหล่านี้ยังมีอุปสรรค กล่าวคือข้อมูลบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นข้อมูลสำคัญที่สามารถนำมาใช้ในการสร้างรัฐบาลที่โปร่งใสได้ เช่น ข้อมูลนิติบุคคล ที่มีข้อมูลสาระสำคัญอย่างผู้ถือหุ้น แต่กลับไม่สามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ข้อมูลโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน อย่างข้อมูลอนุสัญญา เจ้าของโครงการ เพื่อสะท้อนการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกัน คำพิพากษาของศาลก็มีบางส่วนที่ไม่ได้เปิดเผยชัดเจน เช่น คำพิพากษาศาลชั้นต้น หรือแม้แต่ข้อมูลการตรวจสอบการทุจริตของหน่วยงานตรวจสอบที่ควรหมายรวมถึงข้อมูลการตรวจสอบขององค์กรอิสระอื่น ๆ และหน่วยงานกำกับที่ทับซ้อนกับผลประโยชน์ด้วย

 

ทั้งยังมีข้อมูลที่ไม่มีการเปิดเผย อย่างข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ข้อมูลมูลนิธิ หรือองค์กรอื่น ๆ ที่มีความใกล้เคียงเช่น วัด โดยพบว่ามีการเปิดเผยผ่านเว็บไซต์เช่นเว็บไซต์สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เว็บไซต์กรมสรรพากรและประกาศของนายทะเบียนในราชกิจจานุเบกษา แต่ไม่พบการประกาศรายชื่อจากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งอย่างชัดเจน ทั้งที่ข้อมูลนี้ควรมีข้อมูลที่แสดงกรรมการ การไหลเวียนของเงินทุน และผลประโยชน์ 

 

รวมไปถึงการมีข้อมูลที่ไม่มีการจัดเก็บ เช่น ข้อมูลผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และข้อมูลล็อบบี้ยิสต์ และข้อมูลที่ยังมีขอบเขตไม่ชัดเจนเช่น ข้อมูลเจ้าหน้าที่รัฐ ข้อมูลทางการเงินของพรรคการเมือง ข้อมูลการออกใบอนุญาตต่าง ๆ ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อมูลนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง ข้อมูลภาษีและศุลกากร

 

ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมถึงความท้าทายอื่น ๆ ได้แก่ ข้อมูลที่กระจัดกระจายทั้งรูปแบบและการจัดเก็บ การขาดแคลนระบบนิเวศทั้งด้านกฎหมายนโยบาย เครื่องมือ งบประมาณ และบุคลากรในการจัดการข้อมูลภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่กล้าเปิดเผยข้อมูล และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act – PDPA) รวมทั้งการฟ้อง SLAPP หรือการใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อกลั่นแกล้ง ข่มขู่ หรือกดดันให้หยุดการตรวจสอบหรือวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นสาธารณะอีกด้วย

 

สุภอรรถ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจด้วยว่า การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ หรือการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนจะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในสังคมหากทั้งระบบและคนไม่พัฒนาไปพร้อมกัน

 

“ถ้าจะแก้ระบบต้องนึกถึงคน ถ้าจะแก้คนต้องทำให้เป็นระบบ การเปิดข้อมูล ถึงเราจะเปิดแค่ไหน หากคนไม่เข้ามาดูก็ไม่ได้อะไรเลย หรือถึงมีคนอยากดู แต่ระบบไม่ได้พัฒนาก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน จึงต้องพัฒนาไปพร้อมกัน” สุภอรรถ กล่าว

 

แปลง “ข้อมูล” เป็น “พลัง” เปลี่ยน “สังคม”

 

นอกจากการส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลเปิดภาครัฐแล้ว สิ่งสำคัญของการเปิดเผยข้อมูลคือการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย ในด้านนี้ อาละวีร์ วาแม Data Storyteller จาก WeVis ได้ร่วมอธิบายถึงวิธีการนำข้อมูลไปวิเคราะห์และเชื่อมโยงเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ด้วยการสื่อสารในรูปแบบของ Data Communication โดยระบุว่ามีความแตกต่างจากการเล่าเรื่องโดยทั่วไป แต่เป็นการสื่อสารอย่างมีโครงสร้าง เพราะเมื่อมีข้อมูล (Data) เข้ามาก็เป็นระบบมากขึ้น มีการนำข้อมูลมาจัดเรียงเพื่อหาข้อมูลเชิงลึก (insights) ได้ ทำให้สามารถตั้งคำถามและหาคำตอบได้

 

พร้อมกันนี้ยังได้ยกตัวอย่างเครื่องมือที่พัฒนาโดย WeVis ได้แก่

 

Bangkok Budgeting

ตรวจสอบว่างบประมาณของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ถูกนำไปใช้อย่างไรบ้าง ซึ่งปีล่าสุดทำร่วมกับ HAND SE และกทม. โดยมีการสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้งาน เพื่อส่งความเห็นส่งต่อให้กับ กทม. ไปพัฒนาต่อด้วย

 

Thailand Budget 2569

ตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐทั่วประเทศ โดยมีการแปลงข้อมูลให้ประชาชนสำรวจได้สะดวกขึ้น โดยสามารถค้นหาได้ผ่านทั้งโครงสร้างภาครัฐและคีย์เวิร์ด สามารถกดดูเป็นชั้นข้อมูลได้และเปรียบเทียบงบประมาณของแต่ละปี หรือเปรียบเทียบเป็นจังหวัดได้

 

Parliament Watch

ตรวจสอบและติดตามความเคลื่อนไหวของรัฐสภา มีข้อมูลนักการเมือง ผลการลงมติรายบุคคล การนำเสนอกฎหมาย การเสนอกฎหมาย คำสัญญาทางการเมือง เป็นต้น

 

“หวังว่าภาคประชาสังคมจะมีการขยายผลการใช้ข้อมูลและนวัตกรรมนี้ และส่งเสียงเพื่อให้สังคมนำข้อมูลไปใช้มากขึ้น เพื่อให้หลักนิติธรรมเราดีขึ้น อย่าง Rule of Law Index ในด้านรัฐบาลโปร่งใสและการต่อต้านการคอร์รัปชัน การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐและความร่วมมือจะเป็นการก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวเพื่อสร้างประโยชน์แก่ประเทศและช่วยให้ประเทศมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริงในวันข้างหน้า” อาละวีร์ กล่าวทิ้งท้าย

 

บทความนี้เป็นสรุปเนื้อหาจากการอบรมเชิงปฏิบัติการร่วมกับเครือข่ายสื่อมวลชน หัวข้อ “เปิด 25 ชุดข้อมูลภาครัฐ เครื่องมือสำคัญยกระดับหลักนิติธรรมไทย” จัดโดย TIJ ร่วมกับ HAND SE ระหว่างวันที่ 13-14 กันยายน พ.ศ. 2568 ที่โรงแรมโนโวเทล มารีนา ศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยโครงการนี้มีสื่อมวลชนเข้าร่วมการอบรมทั้งสิ้น 16 คน จาก 15 หน่วยงาน 

Back
chat