TIJ ร่วมคณะรองนายกรัฐมนตรี เข้าประชุม OECD Global Roundtable on Equal Access to Justice ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน มุ่งผลักดันยกระดับนิติธรรมไทยเพื่อเข้าเป็นประเทศสมาชิก OECD



ศาสตราจารย์กิตติคุณ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายยอดฉัตร ตสาริกา ผู้อำนวยการกองกฎหมาย รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และผู้บริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ได้แก่ ศ.(พิเศษ) ดร. กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการ ดร. พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการ และ ดร. อณูวรรณ วงศ์พิเชษฐ์ รองผู้อำนวยการ เดินทางเข้าร่วมประชุมองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development) หรือ OECD ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 12-14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ซึ่งเป็นการกระชับความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องภายหลัง Mary Beth Goodman รองเลขาธิการ OECD เดินทางเยือนไทย เพื่อร่วมหารือเพื่อการเสริมสร้างหลักนิติธรรมกับผู้แทนรัฐบาลไทย ตามคำเชิญของ TIJ ระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา


ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในเวทีผู้นำระดับสูง (Justice Leaders' Dialogue) Roundtable ในหัวข้อ Justice system at a crossroads challenges and opportunities in a changing world โดยได้เน้นย้ำการยกระดับหลักนิติธรรม ผ่านการพัฒนากรอบนโยบายหลักนิติธรรม สำหรับประเทศไทย ด้วยความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในประเทศ และระหว่างประเทศอย่าง OECD และ The World Justice Project (WJP) นอกจากนั้น ยังได้กล่าวถึงการมอบหมายหน่วยงานประสานงานหลัก (National Focal Points) ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) และสถาบันพระปกเกล้า ให้ทำงานร่วมกับ OECD โดยเฉพาะส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการธรรมาภิบาลของ OECD (Public Governance Directorate)



ในที่ประชุมเดียวกัน ผู้แทนประเทศไทยได้รับทราบข้อมูลจากผู้แทน OECD ว่า ประเทศที่ได้แสดงเจตจำนงในการสนับสนุนประเทศไทยสำหรับการเข้าเป็นสมาชิก OECD ประกอบด้วยประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศญี่ปุ่นและในที่ประชุมครั้งนี้ มีประเทศโครเอเชีย ประเทศบัลแกเรีย แสดงการสนับสนุนเพิ่มเติม อีกทั้งผู้แทนประเทศไทยยังได้เข้าร่วมการประชุมระดับทวิภาคีและหารือกับผู้นำระดับสูงของประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ Inese Libina-Egnere รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐลัตเวีย Ivan Crnčec รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม การบริหารจัดการภาครัฐ และการปฏิรูปดิจิทัล แห่งสาธารณรัฐโครเอเชีย Esther Bogaart ผู้ช่วยเลขานุการคนที่หนึ่ง กรมอัยการสูงสุด แห่งเครือรัฐออสเตรเลีย Mary Beth Goodman รองเลขาธิการ OECD และ Alejandro Ponce Rodrigues ผู้อำนวยการ World Justice Project
“ความยุติธรรมจะเกิดขึ้นจริงได้ก็ต่อเมื่อประชาชนสามารถสัมผัสถึงความยุติธรรมได้ในชีวิตประจำวัน”
ถ้อยความตอนหนึ่งของ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการ TIJ ระหว่างการเข้าร่วมบรรยายในการประชุม หัวข้อ Redesigning Justice Services to Put People at the Centre วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ระหว่างร่วมงานประชุม OECD Global Roundtable on Equal Access to Justice 2025 ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. กิตติพงษ์ กล่าวถึงการออกแบบการให้บริการความยุติธรรมโดยมีคนเป็นศูนย์กลางว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมามีสามบทเรียนที่ได้เรียนรู้
หนึ่ง การออกแบบความยุติธรรมที่ทำให้คนเข้าถึงได้ต้องเริ่มจากความต้องการของผู้คน ซึ่งต้องเริ่มจากการรับฟัง หากใช้เวลาฟังผู้คนให้นานพอ พวกเขาจะบอกได้ว่าระบบที่มีอยู่นั้นล้มเหลวอย่างไร และต้องทำอย่างไรจึงจะดีขึ้น การทำความเข้าใจผู้อื่น (empathy) เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปที่ประสบผลสำเร็จ
สอง การปฏิรูปนั้นต้องทำไปร่วมกับผู้คนไม่ใช่ทำเพื่อพวกเขา แต่เป็นการออกแบบร่วมกัน เพราะ “ชุมชนไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบ แต่คือรากฐานของความยุติธรรม” เมื่อความยุติธรรมนั้นถูกสร้างจากความร่วมมือของผู้คน ความยุติธรรมนั้นจะมีความน่าเชื่อถือและมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น
และสาม การปฏิรูประบบจะทำได้โดยการเปลี่ยนทัศนคติและสร้างความเป็นเจ้าของความยุติธรรม ระบบนั้นไม่อาจเปลี่ยนได้หากคนไม่เปลี่ยน ดังนั้นการพัฒนาศักยภาพมนุษย์และความเป็นผู้นำจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างที่ TIJ ได้จัดทำหลักสูตรอบรมผู้บริหารด้านหลักนิติธรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน (RoLD Programme) ที่รวมผู้บริหารจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อร่วมกันสร้างสังคมที่ให้โอกาสคนได้เข้าถึงความยุติธรรมได้มากขึ้น


ประธานกรรมการ TIJ กล่าวด้วยว่า การเข้าใจผู้คน ทำงานร่วมกับพวกเขา และปลูกฝังความเข้าอกเข้าใจผู้คนเพื่อออกแบบระบบยุติธรรม สะท้อนถึงแนวคิดหลักของข้อเสนอแนะเพื่อการเข้าถึงความยุติธรรมของ OECD ที่ว่าเมื่อความยุติธรรมกลายเป็นเรื่องสามัญ เข้าถึงได้ และเท่าเทียม ความยุติธรรมจึงไม่ได้มีบทบาทเพียงแค่แก้ไขข้อขัดแย้ง แต่นำไปสู่สังคมที่ครอบคลุม เสริมสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งในแง่นี้ ความยุติธรรมจึงเป็นทั้งบริการของรัฐและสาธารณประโยชน์เพื่อความสงบสุขของประชาชน


ด้าน ดร. พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการ TIJ ได้ร่วมนำเสนอในหัวข้อ Investing in Justice โดยเน้นย้ำว่า ความร่วมมือระหว่าง TIJ และ OECD ในการจัดทำโครงการศึกษาต้นทุนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยช่วยให้ประเทศไทยมีเป้าหมายชัดเจนยิ่งขึ้นในการลงทุนเพื่อสร้างหลักนิติธรรม ด้วยตระหนักว่ากระบวนการยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรมนั้นส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะในด้านของทุนชีวิต ซึ่งสามารถคิดเป็นมูลค่าได้สูงถึง 9.72 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 5.6% ของจีดีพีของประเทศ
ผู้อำนวยการ TIJ ระบุด้วยว่า ผลจากรายงานดังกล่าวชี้ให้เห็นด้วยว่าการลงทุนในกระบวนการยุติธรรมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เน้นที่การฟื้นฟูมากกว่าการลงโทษผู้กระทำผิด เป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยให้สังคมพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน และ TIJ พร้อมที่จะร่วมมือกับพันธมิตรในฐานะสถาบันวิชาการ เพื่อสร้างฐานข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อเป็นเครื่องมือสร้างระบบนิเวศทางสังคมที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน ภายใต้กรอบการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
