เมื่อ วันที่ 31 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรอุรุกวัยลงมติด้วยคะแนะเสียง 50 ต่อ 49 เห็นชอบร่างกฎหมายที่เสนอให้การผลิตและจำหน่ายกัญชาสามารถทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยหวังว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยลดอาชญากรรม ภายหลังจากร่างกฎหมายนี้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะนำร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาในวุฒิสภา ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภาแล้วจะทำให้อุรุกวัยเป็นประเทศแรกในโลก ที่อนุญาตให้มีการผลิต แจกจ่าย และจำหน่ายกัญชาให้แก่ผู้บริโภคได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ร่างกฎหมายนี้รัฐบาลอุรุกวัยเชื่อว่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาอาชญากรรมรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดได้ และช่วยแก้ไขข้อขัดข้องอันเกิดจากการที่อุรุกวัยรับรองให้การเสพกัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย แต่ยังห้ามผลิต จำหน่าย หรือครอบครองกัญชา ขณะที่กลุ่มคัดค้านร่างกฎหมายนี้เห็นว่ารัฐบาลประเมินอันตรายของกัญชาต่ำเกินไป และมองว่ากัญชาเป็นประตูไปสู่ยาเสพติดชนิดอื่นซึ่งจะก่อให้เกิดอาชญากรรมรุนแรงตามมาโดยมีข้อมูลว่าร้อยละ 98 ของผู้เสพยาเสพติดในปัจจุบันเริ่มต้นจากกัญชา
สำหรับประเทศไทย พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 กำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ซึ่งผู้ผลิต นำเข้า หรือส่งออกจะได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับ 200,000-1,500,000 บาท ส่วนผู้จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกัญชาไม่ถึง 10 กก. ได้รับโทษจำคุก 2-10 ปี หรือปรับ 40,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกัญชา 10 กก.ขึ้นไป จำคุก 2 -15 ปี และปรับ 200,000- 1,500,000 บาท
ประเด็นที่น่าติดตามคือ หากร่างกฎหมายเปิดตลาดกัญชาผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภา อุรุกวัยจะเป็น ประเทศแรกในโลกที่มีการผลิต แจกจ่ายและจำหน่ายกัญชาให้แก่ผู้บริโภคได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้จะส่งผลต่อสถิติอาชญากรรมในทิศทางใด ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ สำหรับประเทศไทยและประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียนในการศึกษาถึงผลดีผลเสียจากมาตรการดังกล่าวต่อไป
แหล่งข้อมูล :
หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556 หน้า 30
ภาพประกอบจาก :
http://www.foxnews.com/world/2013/07/31/uruguay-congress-set-to-vote-on-marijuana-legalization
http://photoblog.nbcnews.com
www.policymic.com