ในสภาพแวดล้อมของเรือนจำที่มีลำดับชั้นและถูกครอบงำโดยผู้ชาย เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หญิงอาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงการเลือกปฏิบัติ โดยบ่อยครั้งพวกเธอมีอำนาจและบทบาทในการตัดสินใจที่น้อยกว่า นอกจากนี้ พวกเธอเองยังอาจตกเป็นเหยื่อของการคุกคามทางเพศและการเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน รวมถึงอุปสรรคในการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน เนื่องจากทัศนคติทางเพศแบบเหมารวมและการเลือกปฏิบัติ ดังข้อมูลที่ปรากฎในเอกสารแนวทางการปฏิบัติตามข้อกำหนกรุงเทพ: การอนุวัติข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (Guidance Document on the Bangkok Rules: Implementing the United Nations Rules on the Treatment of Women Prisoners and Non-custodial Measures for Women Offenders)
ข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง หรือข้อกำหนดกรุงเทพ ถือกำเนิดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิงในเรือนจำจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม ซึ่งรวมไปถึง “ผู้หญิงที่ทำงานในราชทัณฑ์” โดยข้อกำหนดกรุงเทพกำหนดให้หน่วยงานราชทัณฑ์ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่หญิง และรับรองว่าพวกเธอจะไม่ได้รับการเลือกปฏิบัติในการเข้าถึงการฝึกอบรมและตำแหน่งระดับสูงในหน่วยงานราชทัณฑ์ ข้อกำหนดกรุงเทพยังตระหนักว่าเจ้าหน้าที่หญิงมีความเหมาะสมมากกว่าในการพัฒนานโยบายและกลยุทธ์ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสำหรับการควบคุม ดูแล และแก้ไขฟื้นฟูผู้หญิงในเรือนจำ เนื่องจากพวกเธอมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากกว่าถึงความต้องการที่คำนึงถึงมิติทางเพศและความเปราะบางของผู้หญิง
“การประชุมนานาชาติว่าด้วยผู้หญิงและการราชทัณฑ์ หรือ Women in Corrections Conference 2025” ระหว่างวันที่ 19-21 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 15 ปี ข้อกำหนดกรุงเทพ และตระหนักถึงความสำคัญของผู้หญิงในงานราชทัณฑ์ โดยภายในงาน ตัวแทนผู้นำหญิงในงานราชทัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จจากหลากหลายประเทศร่วมกันแชร์เรื่องราวที่พวกเธอต้องพบเจอในการทำงาน ภายใต้หัวข้ออภิปราย “ผู้หญิงกำหนดทิศทางงานราชทัณฑ์ หรือ Women Shaping Corrections” พวกเธอได้แบ่งปันแนวคิดเกี่ยวกับการกำหนดทิศทางอนาคตของงานราชทัณฑ์ สำรวจทั้งความท้าทายและความก้าวหน้าของการเป็นผู้นำในบริบททางวัฒนธรรมและสถาบันที่หลากหลาย และหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการส่งเสริมความหลากหลาย ความเสมอภาค และการมีส่วนร่วม
นอกจากนี้ พวกเธอยังได้เล่าถึงเส้นทางการก้าวข้ามอุปสรรคในฐานะผู้หญิงที่ทำงานในสายงานที่ผู้ชายครอบงำมาโดยตลอด เจ้าหน้าที่หญิงยังคงพบเจอการถูกล่วงละเมิดทางเพศ และไม่ได้รับการยอมรับว่าเท่าเทียมกับผู้ชาย ตลอดจนไม่ถูกให้ความสำคัญ ผู้หญิงจำเป็นต้องทำงานหนักเป็นสองเท่าเพื่อให้ได้รับการยอมรับในระดับเดียวกัน เนื่องจากสมมติฐานที่ว่าผู้ชายคือผู้นำ ซึ่งส่งผลต่ออุปสรรคในการพัฒนาอาชีพและความสมดุลระหว่างงานกับชีวิตเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งถ่ายทอดมุมมองที่ทรงคุณค่าเกี่ยวกับความแข็งแกร่งทางจิตใจ นวัตกรรม และความเป็นเลิศในการเป็นผู้นำ การอภิปรายนี้เน้นให้เห็นถึงบทบาทของผู้นำสตรีในการขับเคลื่อนนวัตกรรม พัฒนาระบบยุติธรรม และสร้างผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับชุมชนทั่วโลก
แม้ว่าในห้วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หญิงในงานราชทัณฑ์ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมายเพื่อเสริมสร้างแนวปฏิบัติที่ตอบสนองต่อความต้องการเชิงเพศภาวะและคำนึงถึงผลกระทบจากบาดแผลทางจิตใจให้แก่ผู้หญิงในเรือนจำ อย่างไรก็ดี เรายังคงพบปัญหาข้อท้าทายที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หญิงยังคงต้องเผชิญอีกมากมาย การอภิปรายในงานประชุม Women in Corrections Conference 2025 จึงเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จของผู้นำหญิงในงานราชทัณฑ์และความก้าวหน้าในการปฏิบัติตามข้อกำหนดรุงเทพเท่านั้น โดยนับเป็นโอกาสสำคัญที่ชวนให้พวกเราได้เห็นถึงบทบาทและความสำคัญของเจ้าหน้าที่หญิงในเรือนจำที่มักถูกมองข้าม และยังเป็นการต่อยอดความพยายามในการปิดช่องว่างและสนับสนุนให้ผู้หญิงพัฒนาศักยภาพของตนไปสู่จุดสูงสุดในอาชีพโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ เพื่อให้พวกเธอสามารถทำหน้าที่ในการควบคุมดูแลผู้กระทำผิดหญิงในระบบราชทัณฑ์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องการการปฏิบัติที่มีความละเอียดอ่อนต่อเพศภาวะ เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฟื้นฟูและกลับคืนสู่สังคมให้ประสบความสำเร็จต่อไป
การนำข้อกำหนดกรุงเทพไปสู่การปฏิบัติ
-
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควรร่วมมือกับองค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านสิทธิสตรีในการพัฒนา โครงการฝึกอบรมพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้ต้องขังหญิง โดยเน้นเรื่องสิทธิมนุษยชนของผู้หญิงในเรือนจำ และความต้องการเฉพาะด้านของพวกเธอในการกลับคืนสู่สังคม การฝึกอบรมควรดำเนินการตามหลักการของข้อกำหนดเนลสัน แมนเดลา (ข้อกำหนดขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง หรือ United Nations Standard Minimum Rules for the Treatment of Prisoners - Nelson Mandela Rules) และข้อกำหนดกรุงเทพ เจ้าหน้าที่เรือนจำที่ทำงานกับผู้ต้องขังหญิงควรได้รับการสร้างความตระหนักว่าผู้ต้องขังหญิงจำนวนมากเคยเผชิญกับความรุนแรงหรือการถูกกระทำให้เป็นเหยื่อ และอาจยังคงเผชิญกับบาดแผลทางจิตใจ
-
หน่วยงานราชทัณฑ์ควรรับรองว่าเจ้าหน้าที่หญิงมีโอกาสเข้าถึงการฝึกอบรมทุกประเภทในระดับเดียวกับเจ้าหน้าที่ชาย และหลักการไม่เลือกปฏิบัติควรถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับเจ้าหน้าที่ทุกคน
-
การพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่หญิง ควรมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างอำนาจให้พวกเธอในระบบราชทัณฑ์ เพื่อให้สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารระดับสูงที่มีบทบาทในการกำหนดกลยุทธ์ นโยบาย และโครงการสำหรับการบริหารเรือนจำหญิงและการฟื้นฟูผู้ต้องขังหญิง
-
หน่วยงานราชทัณฑ์ต้องมุ่งมั่นชัดเจนในการขจัดการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้หญิงในงานราชทัณฑ์ แนวทางนี้ควรถูกระบุไว้อย่างชัดเจนในวิสัยทัศน์และแผนยุทธศาสตร์ขององค์กร และสะท้อนในนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานราชทัณฑ์
-
หน่วยงานราชทัณฑ์ควรทบทวนกระบวนการสรรหาบุคลากร โครงการฝึกอบรมและโอกาสในการเข้าถึงการฝึกอบรม เกณฑ์การเลื่อนตำแหน่ง และโครงสร้างเงินเดือน เพื่อให้มั่นใจว่ากฎระเบียบ ข้อบังคับ และนโยบายต่างๆ ไม่มีข้อกำหนดที่เป็นช่องทางให้เกิดการเลือกปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่หญิงในทางปฏิบัติ
-
เจ้าหน้าที่หญิงควรสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนได้โดยปราศจากความกลัวว่าจะถูกตอบโต้ ในกรณีที่เผชิญกับการเลือกปฏิบัติหรือการล่วงละเมิดทางเพศ ควรกำหนดกระบวนการร้องเรียนที่ชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หญิงสามารถนำเรื่องของตนเสนอต่อผู้บริหารระดับสูง ผู้ตรวจสอบอิสระ และหน่วยงานที่มีอำนาจในการติดตามและตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนและกฎหมายของประเทศ
-
เจ้าหน้าที่ในเรือนจำหญิงควรได้รับการฝึกอบรมด้านการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน การปฐมพยาบาล และการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน รวมถึงสุขภาพของผู้หญิงและเด็ก การดูแลสุขภาพจิต และการป้องกันการทำร้ายตนเองและการฆ่าตัวตาย รวมไปถึงการฝึกอบรมเกี่ยวกับ HIV/เอดส์ ไวรัสตับอักเสบ และวัณโรค โดยรับรองการตรวจที่เป็นความลับ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ควรเข้าถึงการฝึกอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยในที่ทำงาน การควบคุมการติดเชื้อ และแผนเตรียมความพร้อมในเรือนจำ โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19