TIJ-ศาลยุติธรรมร่วมมือด้านวิชาการประเมินประสิทธิภาพ “คลินิกจิตสังคม” เพื่อผู้ต้องหาหรือจำเลยคดียาเสพติดในระบบศาล
คลินิกจิตสังคม หรือโครงการ “พัฒนาระบบการให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมในคดียาเสพติดและคดีอื่นที่เกี่ยวข้องในระบบศาล” เป็นโครงการของศาลยุติธรรมเพื่อให้คำปรึกษาด้านจิตสังคม แก่ผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวหรือรอการลงโทษจำคุกในคดียาเสพติดหรือมียาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองจำนวนเล็กน้อย และคดีอื่นที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการใช้สารเสพติด โดยให้โอกาสรับคำปรึกษาด้านจิตสังคมจากผู้ให้คำปรึกษา เพื่อช่วยเหลือ แก้ไข และฟื้นฟู อันจะนำสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และถือเป็นกลไกหนึ่งในการคุ้มครองสิทธิผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีไม่ร้ายแรง
อย่างไรก็ดี หลังจากการดำเนินงานต่อเนื่องเป็นเวลา 16 ปี จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการประเมินผลทั้งในด้านประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และในด้านความคุ้มค่าและเหมาะสมของระบบฯ
ในการนี้ นายเผ่าพันธ์ ชอบน้ำตาล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และ ดร.อณูวรรณ วงศ์พิเชษฐ์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) จึงได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการเพื่อประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตลอดจนความคุ้มค่าและความเหมาะสมของระบบการให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมแก่ผู้ต้องหาหรือจำเลยคดียาเสพติดในระบบ เมื่อวันพุธที่ 26 มีนาคม 2568 ที่ห้องชมวิว ชั้น 22 สำนักงานศาลยุติธรรม
ดร.อณูวรรณ กล่าวว่า คลินิกจิตสังคม มีแนวทางการดำเนินงานที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการทำความเข้าใจ “สาเหตุของปัญหา” ในบริบทชีวิตของผู้กระทำผิด ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ TIJ ที่ว่าการเข้าใจสาเหตุปัญหาจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อการวางแนวทางแก้ไขฟื้นฟูพฤตินิสัย รวมถึงการพิจารณาแนวทางการลงโทษตามกฎหมายที่สามารถหวังผลการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงของการกระทำผิดซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“TIJ เชื่อว่า การดำเนินนโยบายที่มีแนวคิดที่ดีและก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามที่คาดหวังได้จริง จำเป็นต้องมีความเข้าใจในปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน การที่สำนักงานศาลยุติธรรมเปิดโอกาสให้หน่วยงานกลางอย่าง TIJ และเครือข่ายนักวิชาการของ TIJ ร่วมศึกษาและประเมินผลการดำเนินงานของคลินิกจิตสังคม จะช่วยให้สำนักงานศาลยุติธรรมได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการนำไปพิจารณาเพื่อออกแบบนโยบายและแนวปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพได้ต่อไป” ดร.อณูวรรณ กล่าว