ยอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัว

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้ (cookie) เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานและเพิ่มความพึงพอใจต่อการได้รับการเสนอข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตามนโยบายคุกกี้ของเรา

รายละเอียดเพิ่มเติม

กระบวนการยุติธรรมที่เรามักได้ยินอยู่บ่อยครั้งเมื่อเกิดเหตุอาชญากรรม คือการนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการลงโทษทางอาญา ซี่งเป็นแนวคิดความยุติธรรมแก้แค้นทดแทน (Retributive Justice) แนวทางการลงโทษนี้เป็นกระบวนการที่ต้องการให้ผู้กระทำผิดรู้สึกสำนึกผิดและจำต้องได้รับโทษในพื้นที่จำกัดห่างไกลจากสังคม เพื่อให้ “สังคมปลอดภัย” 

 

กระบวนการยุติธรรมแก้แค้นทดแทนที่ได้รับความนิยมนี้ทำให้ “สังคมปลอดภัย”  จริงหรือไม่? 

 

สถิติจำนวนผู้ต้องขังในประเทศไทยพบว่าภายในห้วงเวลา 3 ปี หลังได้รับการปล่อยตัว ผู้กระทำผิดถึงร้อยละ 30 จะกลับเข้าไปอยู่ในเรือนจำอีกครั้ง โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการถูกตีตรา ไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวและสังคม ไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียมในการทำงานสุจริต และหลายคนไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ 

 

ตัวเลขผู้กระทำผิดซ้ำดังกล่าว รวมไปถึงภาระของระบบยุติธรรมตั้งแต่การมีโทษทางอาญาเฟ้อ การใช้งบประมาณเรือนจำและทัณฑสถานเพื่อให้การดูแล เยียวยา และฟื้นฟูผู้กระทำผิดที่มีจำนวนมาก ทำให้กระบวนการยุติธรรมทางอาญาในประเทศไทยมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอต่อการสร้างสังคมที่ปลอดภัย และสะท้อนถึงช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมแบบดั้งเดิม 

 

ทางเลือกสู่ “กระบวนการยุติธรรมเชิงฟื้นฟูเยียวยา”

 

ในวงการยุติธรรมระดับสากลได้มีการศึกษาแนวทางเลือกของการสร้าง “การสำนึกผิด”  และ “ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม” แก่ผู้กระทำผิด โดยมีแนวทางหนึ่งคือกระบวนการยุติธรรมเชิงฟื้นฟูเยียวยา หรือ Restorative Justice หรือเดิมมีชื่อว่า กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ โดยเมื่อ พ.ศ. 2545 คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) ได้ให้การรับรองหลักการพื้นฐานแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการใช้กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ในเรื่องทางอาญา (Basic Principles on the Use of Restorative Justice Programmes in Criminal Matters) และมีพัฒนาการเรื่อยมาถึงปัจจุบัน

 

“กระบวนการยุติธรรมเชิงฟื้นฟูเยียวยา คือการมองมนุษย์ให้เท่าเทียมกัน ให้ทุกฝ่ายที่ขัดแย้งได้มีส่วนร่วมในการรับฟังและเข้าใจความรู้สึกของตัวเองและผู้อื่น กระทั่งเกิดความเข้าใจถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น และนำไปสู่การแก้ปัญหาและความขัดแย้งที่ผู้กระทำผิดปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และผู้เสียหายได้รับการเยียวยา ตลอดจนผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่ายได้รับการเยียวยาด้วยเช่นกัน” 

 

TIJ สนับสนุนใช้ RJ เป็นแนวทางสร้างสังคมปลอดภัย

 

ที่ผ่านมา สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ได้ดำเนินงานเพื่อส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมเชิงฟื้นฟูเยียวยาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดงานเสวนาออนไลน์เชิงวิชาการ เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี การรับรองข้อมติสหประชาชาติ เรื่องหลักการพื้นฐานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการใช้กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ในเรื่องทางอาญา การจัดทำงานวิจัย Harmonious Justice หนทางสู่การพัฒนากระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ในประเทศไทย การร่วมกับเครือข่ายทางวิชาการ อาทิ คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดทำหลักสูตรเพื่อนำกระบวนการ RJ มาใช้ในโรงเรียนและสถานศึกษาผ่านกิจกรรม RJ in School รวมไปถึงการพัฒนานวัตกรรมด้านระบบติดตามและประเมินผล RJ และ e-learning เป็นต้น 

 

ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2568 TIJ ได้ร่วมกับกรุงเทพมหานคร คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, Life Education Thailand และสมาคมสื่อสารเพื่อสันติเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการว่าด้วยความยุติธรรมเชิงฟื้นฟูเยียวยาในสถานศึกษาในสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 8 ครั้ง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีครูร่วมอบรมทั้งหมด 335 คน จากโรงเรียน 109 แห่ง เพื่อร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยให้แก่เยาวชน

 

ร่วมกรมพินิจฯ อบรมผู้ประสานงานการใช้กระบวนการยุติธรรมเชิงฟื้นฟูเยียวยา

 

 

ในเดือนสิงหาคม 2568 TIJ ได้ร่วมกับกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก กระทรวงยุติธรรม จัดโครงการยกระดับทักษะผู้ประสานการประชุมในการดำเนินงานด้านยุติธรรมสมานฉันท์ (ความยุติธรรมเชิงฟื้นฟูเยียวยา) (Reskill & Upskill) โดยมี พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน

ในการจัดงานครั้งนี้ ได้ดำเนินการจัดการอบรมผ่านระบบออนไลน์ 1 ครั้ง สำหรับเจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ ทั่วประเทศ และจำนวน 4 ครั้ง ให้แก่เจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล มีวัตถุประสงค์เพื่อ

 

  • เสริมศักยภาพเจ้าหน้าที่จากสถานพินิจให้มีความรู้ความเข้าใจและได้รับเทคนิคการเป็นผู้ประสานการประชุม ได้แก่ ทักษะการสื่อสาร การไกล่เกลี่ย การจัดประชุมทำแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟู และการติดตามการปฏิบัติตามแผน 
  • ขับเคลื่อนการใช้มาตรการทางเลือกแทนการดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 86 

  • การประยุกต์ใช้กระบวนการยุติธรรมเชิงฟื้นฟูเยียวยา (RJ) มุ่งเน้นบรรเทาปัญหาอัตราการกระทำผิดซ้ำของเยาวชน

  • สนับสนุนการทำงานของพนักงานคุมประพฤติให้เป็นผู้ประสานการประชุมให้เท่าทันสถานการณ์ปัจจุบัน

  • สร้างเครือข่ายระหว่างพนักงานคุมประพฤติในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการทำงานร่วมกัน 

 

การจัดอบรมดังกล่าวมี ดร.นัทธี จิตสว่าง ที่ปรึกษา TIJ อุกฤษฏ์ ศรพรหม หัวหน้าฝ่ายนโยบายและกิจการต่างประเทศ และคณะจาก TIJ เป็นวิทยากร ร่วมกับ ดร. ภูชิสส์ ศรีเจริญ และคณะ จากสถาบันพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อสังคม โดยจัดขึ้นที่ ทีเค แอนด์ คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร  

 

Back
chat